วันอังคาร ที่ 22 เม.ย. 2568
เอาจริงๆ ไม่ได้พึงพอใจกับบทบาทผู้ว่าฯ ของอาจารย์ชัชชาติไปเสียทุกด้าน แต่ปฏิบัติการเมื่อวานหลังแผ่นดินไหวสร้างความรู้สึกว่า เรามีผู้นำที่น่าชื่นชม ได้เห็นผู้ว่าฯ 'แอคชั่น' ทันที / สื่อสารกับประชาชน / จัดการเป็นระบบ / ใช้เทคโนโลยีเป็น / ขอความร่วมมือได้ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าทำได้ดีในภาวะวิกฤตที่ไม่คาดฝัน
.
แอคชั่นทันที:
ในวิกฤต ท่ามกลางข้อมูลข่าวสารโกลาหล ทั้งเท็จและจริง ทั้งผู้รู้และผู้ไม่รู้ เราต้องการ 'ผู้น่าเชื่อถือ' ออกมาอธิบาย ตอนอ.ชัชชาติตั้งโต๊ะแถลงก็เห็นทัศนคติว่า ต้องการดึงสติประชาชน แยกแยะระหว่างอันตรายที่แท้จริงกับความตื่นตระหนก และอธิบายอย่างเข้าใจง่าย เห็นภาพว่า กรณีแบบไหนน่ากังวล และแบบไหนที่ไม่ต้องกังวลจนเกินไป ซึ่งถือว่ารวบรวมข้อมูลและผู้ปฏิบัติการมาเพื่อสื่อสารได้รวดเร็วพอสมควร (ในเงื่อนไขว่าเหตุเกิดไปทั่วกรุงและมากมายไปหมด)
.
การสื่อสารที่ชัด ง่าย ไม่พิธีรีตอง:
จุดเด่นอย่างหนึ่งของความเป็นชัชชาติคือไม่พิธีรีตอง ตัดตรงไปที่เนื้อหาที่จำเป็น พูดเข้าใจง่ายไม่ชุบแป้งทอดด้วยถ้อยคำยากๆ ท่าทีในการสื่อสารก็สำคัญ น้ำเสียง แววตา สีหน้า ไม่ตื่นตระหนก นิ่ง แต่ร่วมรู้สึกถึงวิกฤต ส่งไมค์ให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบตอบในจุดสำคัญ โดยผู้นำสื่อสารเป็นหลักอย่างเข้าใจปัญหา แอคชั่นแบบนี้ทำให้ประชาชนอุ่นใจว่า "We are in good hands" ก่อนฟังแถลงกับหลังฟัง รู้สึกสงบขึ้น กังวลน้อยลง รู้ว่ามีคนกำลังทำงาน สั่งการ และรู้ว่าจะติดต่อทางไหน และหลังจากนั้นยังสื่อสารผ่าน FB live ตลอด เช่น ตอนไปตรวจ BTS ประชาชนก็ได้อัพเดตไปเรื่อยๆ ด้วย
.
จัดการเป็นระบบ:
ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเห็นระบบที่เซ็ตตัวขึ้นแทบจะทันที เชื่อว่าการจ่ายงานแต่ละฝ่ายไม่ง่ายนัก เพราะปัญหาเกิดหลายมิติหลายพื้นที่ แต่ได้เห็นการเรียงลำดับความสำคัญของปัญหา นำไปสู่แอคชั่นที่เป็นรูปธรรม รวมถึงคำตอบที่สามารถตอบนักข่าวได้ชัดเจน ที่น่าสนใจคือ ผู้นำอย่างอาจารย์ชัชชาติไม่ได้บอกว่าเอาอยู่แน่ๆ หรือรู้ทุกอย่าง แต่ชวนประชาชนส่งข่าวสารเข้ามา รายงานสถานการณ์เข้ามา แล้วจะนำเข้าระบบเพื่อจัดการ ภาพที่มีรองผู้ว่าฯ และผู้เชี่ยวชาญนั่งล้อมกับแบบง่ายๆ นั้นสร้างความอุ่นใจว่า ทุกคนพร้อมทำหน้าที่และกระจายงานกันไปทำทันที
.
ใช้เทคโนโลยีช่วย:
เห็นโพสต์เชิญชวนให้แจ้งความเสียหายผ่าน Traffy Fondue จากรองฯ ศานนท์ ก็รู้สึกว่าฉลาดในการใช้ช่องทางนี้มารวบรวมความเสียหายเพื่อเข้าใจสถานการณ์และจะได้ดำเนินการต่อไปได้ อันนี้ขอชื่นชมมากๆ ว่าการที่กทม.มีระบบนี้เอาไว้ก็ได้ใช้ในยามวิกฤตแบบนี้ด้วย และพอช่วงหัวค่ำเห็นการรวมตัวของวิศวกรอาสาที่มาช่วยเช็คอาการตึกกันอย่างแข็งขันก็รู้สึกถึงความสามัคคีและน้ำใจของคนไทย เป็นภาพสำคัญมากในเวลาที่ทุกคนตื่นตระหนกและเดือดร้อนอยู่บนท้องถนน อย่างน้อยมีภาพของการช่วยเหลือกันก็ช่วยสร้างความอบอุ่นใจขึ้นบ้าง / Traffy Fondue เป็นช่องทางที่ทำให้ประชาชนส่งสารถึงกทม.ได้ง่ายและรวดเร็ว (เหมือนเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่วางมาดีในยามปกติ และใช้ได้ดีเยี่ยมในวิกฤต) บวกกับการใช้ช่องทาง FB live ของผู้ว่าฯ เองก็ทำให้ทุกอย่างไม่ต้องมีขั้นตอนเยิ่นเย้อ เหมาะกับสถานการณ์วิกฤตที่ต้องฉับไว
.
ขอความร่วมมือได้:
ภาพวิศวกรอาสามาตรวจภาพความเสียหายอาคารที่ประชาชนส่งมาให้ความรู้สึกถึงความร่วมมือร่วมใจกัน ซึ่งสำคัญยิ่งในยามวิกฤต มันเพิ่มพลังบวกให้คนที่ได้เห็น นี่คือคุณสมบัติของผู้นำที่คิดกว้าง ไม่ได้คิดแค่ทรัพยากรที่มี แต่คิดว่าจะขอความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง และสร้างแพลตฟอร์มที่รองรับ สร้างพื้นที่และบทบาทขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนหยิบยื่นความช่วยเหลือได้ ขอชื่นชมกทม.ที่รวมพลังคนได้และทำงานกันอย่างหนักถึงดึกดื่น ทุ่มเทแก้ปัญหาและบรรเทาความกังวลใจของประชาชนกันเต็มที่
.
เพียงแค่อยากสะท้อนเสียง "ขอบคุณ" จากประชาชนกทม.ตาตี่ๆ คนหนึ่งที่มีต่อผู้นำและทีมบริหารที่ทุ่มเทมากๆ รวมถึงสัมผัสได้ถึงเจตนาดีที่อยากสร้างสถานการณ์ที่ตื่นตระหนกน้อยลง รักษาอารมณ์ ความรู้สึก จัดระเบียบสิ่งต่างๆ เท่าที่พอจะทำได้ในวิกฤต
วิกฤตยิ่งขับเน้นให้เห็นว่า บทบาทของผู้นำสำคัญมากว่าจะช่วยลดทอนวิกฤตหรือทำให้กังวลกับวิกฤตยิ่งขึ้น เพราะในภาวะแบบนั้น ผู้คนมองหาที่พึ่ง มองหาเสียงที่เชื่อถือได้ มองหาคนที่จะแก้ไขสถานการณ์ ผู้นำที่ดีย่อมฉายแสงออกมาโดยไม่ได้มีเจตนาอยากโดดเด่น แต่รับผิดชอบในสิ่งที่ต้องทำควรทำได้อย่างสมบทบาท ไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อความสุขสงบของพี่น้องประชาชน
ขอบคุณอาจารย์ชัชชาติและทีมกทม.ทุกคนสำหรับเมื่อวานนี้ครับ